Translate

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

การหมักวัสดุเพาะ

การหมักวัสดุเพาะ

วัสดุหลักที่ใช้ในการเพาะเห็ดฟาง มีหลายชนิด แต่ที่แนะนำให้ใช้ในการเพาะ
เห็ดฟางแบบโรงเรือน มี ชนิด คือ ทลายปาล์ม กากมันสำปะหลัง และขึ้ฝ้าย ส่วนวัสดุอย่างอื่นไม่แนะนำ เพราะมีธาตุอาหารน้อยกว่าทั้ง ชนิด ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นวัสดุเพาะในเชิงพาณิชย์ แต่เนื่องจากแหล่งที่ผมเพาะเห็ด สามารถหากากมันสัมปะหลังได้โดยประหยัดต้นทุนที่สุด ผมจึงใช้ขี้ฝ้ายเป็นวัสดุหลัก ดังนั้นผมจึงถนัดการหมักกากมันสัมปะหลัง ซึ่งส่วนประกอบในการหมักได้แก่
  
1. กากมันสัมประหลัง ( 6 ตัน)
2. ยิปซั่ม  (6 กก.)
3. แร่ภูไมท์ (6 กก.)
4. EM  1 ลิตร
5. กากน้ำตาล 4ฝา
ุ6. ยูเรีย 3 กก
7. แกลบ ไม่ต่ำกว่า 6กระสอบ
8. รำ 6 ปี๊บ
9. ขี้วัว 6 กระสอบปุ๋ย
10. ถุงแดง 5 ถุง
11. ปูนขาว 6 กก.
        

วิธีการหมักวัสดุเพาะโดยใช้กากมันสัมปะหลังเป็นวัสดุเพาะ ที่ใช้ในการเพาะแบบโรงเรือน
1. ใช้คราดหรือคราดมือเสือตะกุยกากมันสัมปะหลังให้กระจายหนาประมาณ 15-20 เซ็นติเมตร โดยให้เป็นชั้น
2. เมื่อได้ชั้นที่ 1 กว้างประมาณ 4x4 เมตร  เอาวัสดุหมักทั้งหมดหว่านในกองหมักให้ทั่ว ไห้แกลบเป็นวัสดุสุดท้าย แล้วเอาฟางโรยบางๆ (ถ้ามี) จากนั้นให้เอาEMผสมกากน้ำตาลผสมน้ำ 200 ลิตร รดให้ทั่ว และทำชั้นต่อไป ขั้นตอนเหมือนกัน  ชั้นสุดท้าย( ประมาณ 4 ชั้น) ให้เอาผ้าใบ หรืผ้าฟางคลุมไว้ เป็นอันเสร็จ
3.การกลับกอง ให้กองวัสดุเพาะหนาเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นหนา 15 – 20 ซ.ม โดยแต่ละชั้นให้โรยอาหารเสริมตามสูตรของคุณที่มี เช่น ยิปซั่ม รำ ปูนขาว ปุ๋ย E.M ให้พอดีหมดตามส่วน โดยให้ความสูงของกองหมัก 70 ซ.ม ยาวไปเรื่อยจนหมดวัสดุเพาะ จับอุณหภูมิวัสดุเพาะว่าใช้เวลาเท่าไร จึงจะมีอุณภูมิสูงขึ้นถึง 50-55 องศา จะต้องกลับกองหมัก เพื่อให้กองหมักได้รับออกซิเจน และให้ก๊าซแอมโมเนีย(กลิ่นเหม็น)ที่เกิดจากการหมักจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการหมักเพื่อย่อยสลายธาตุอาหาร
4.จำนวนครั้งของการกลับกองวัสดุ ให้สังเกตจากว่า หากอุณหภูมิของกองหมักสูงขึ้นถึง 50 – 55 องศา โดยใช้เวลามากขึ้น ก็แสดงว่าขบวนการย่อยสลายของจุลรินทรีย์ ดำเนินไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
การใข้วัสดุเพาะอื่นที่ไม่ใช่กากมันสัมปะหลังก็ใช้หลักการเดี่ยวกันครับ และเหตุผลที่ผมไม่ระบุจำนวนวันและจำนวนครั้งที่กลับกองเพราะ
1.อุณหภูมิของอากาศ ผมเคยเพาะเห็ดในฤดูหนาว อุณหภูมิของอากาศ 20 องศา การกลับกองแต่ละครั้งใช้เวลา วัน ไม่เช่นนั้นอุณหภูมิในกองเพาะจะไม่สูงพอ อันนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเกษตรกรรุ่นเก่าจึงทำการเพาะเห็ดในฤดูหนาวไม่กำไร เหตุผลก็คือกองเพาะย่อยสลายไม่หมด เนื่องจากอุณหภูมิของอากาศต่ำ ทำให้อาหารที่ย่อยสลายแล้วน้อย เห็ดก็เกิดได้น้อย กองเพาะอุณหภูมิไม่สูงพอ ก็ทำให้เห็ดเกิดน้อยครับ
2.ชนิดของวัสดุเพาะ และส่วนผสมของวัสดุเพาะ มีผลต่อความร้อนของกองเพาะ
3.เคยมีข้อสงสันกันระหว่างนักวิชาการกับนักปฏิบัติว่า จำนวนวันที่ใช้หมักเท่าไรจึงเหมาะ เพราะในทางปฏิบัติถ้าหมักกองเพาะไว้นาน จะทำให้เก็บเห็ดได้มากกว่ากองเพาะที่หมักไว้เพียงไม่กี่วัน ผลจากการสังเกตและศึกษาของผมสรุปได้ว่า หากหมักวัสดุเพาะมากวันเกินไป จะทำให้วัสดุเพาะขาดความร้อน ซึ่งจะมีผลต่อการสร้างเส้นใยเห็ด แต่การหมักไว้นานๆ จะเกิดจุลินทรีย์ ประเภทแอนทิโนมัยซิท(Actinomycetes) ซึ่งจุลินทรีย์ตัวนี้จะมีขนาดเล็ก สามารถแทรกตัวได้ดี เมื่ออบไอน้ำฆ่าเชื้อแล้วจะทำให้เส้นใยเห็ดเดินตามจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดดอกเห็ดเป็นจำนวนมากหรือเป็นพวง ซึ่งเรียกว่าเห็ดจับหัว การเพาะเห็ดในโรงเรือนส่วนใหญ่ ถ้าหมักวัสดุเพาะน้อยวันลักษณะการเกิดดอกเห็ดจะเกิดเป็นหัว ๆ แยกห่างจากกันแต่มีขนาดดอกโตมาก เพราะฉะนั้นถ้าคุณบริหารจัดการในเรื่องการหมักวัสดุเพาะไม่ดี จะทำให้คุณได้ดอกเห็ดจำนวนน้อย แต่มีขนาดใหญ่ ถ้าหมักมากวันจะทำให้คุณเก็บเห็ดได้เป็นพวง แต่ถ้ามากวันเกินไปก็จะทำให้เห็ดเกิดน้อยเนื่องจากกองเพาะขาดความร้อน
4.ในขบวนการหมักที่มากวัน จะทำให้วัสดุเพาะขาดความร้อน ทำให้ต้องกองวัสดุเพาะหนาขึ้น เพื่อให้อุณหภูมิในกองเพาะสูงเพียงพอที่จะสร้างเส้นใยเห็ด อันมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตาม ดังนั้นคุณจึงต้องทำการเปรียบเทียบกันว่า ถ้าคุณใช้วัสดุเพาะแบบนี้ หมักจำนวนเท่านี้วัน กองหนา เท่าไร จึงให้ผลผลิตสูงสุด บนต้นทุนต่ำสุด การทดลองในขั้นตอนนี้คุณจะต้องทำในโรงเรือนขนาดเล็กที่ผมเคยบอกในตอนต้น เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้ก่อน ลงทุนทำจริงครับ ในข้อที่ นี้สำคัญมากนะครับ เพราะถ้าคุณสามารถประหยัดต้นทุนได้ 100 บาท โดยทำให้เห็ดเกิดเพิ่มขึ้นได้ 300 บาทต่อโรงเรือน จะทำให้ต่อโรงเรือนของคุณ สร้างรายได้ 400 บาทต่อครั้ง ถ้าทำหลายโรงเรือนในปี ๆ หนึ่ง เป็นเงินมากโขเลยนะครับ
ตอนต่อไปจะพูดถึงการกองวัสดุเพาะในโรงเรือน ซึ่งไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าไร ทั้ง ๆ มันมีผลโดยตรงกับผลผลิตเห็ด การเพาะแบบโรงเรือนขั้นตอนทุกขั้นตอนมีความสำคัญเท่ากันหมดครับ ถ้าผิดก็คือเสียหายทั้งหมด หรือเก็บได้น้อย ต้องรู้ให้จริงก่อนลงทุนนะครับ การเพาะเห็ดแบบโรงเรือนผู้เพาะต้องเป็นมืออาชีพหรือมีความรู้เท่านั้นครับจึงจะทำงานสำเร็จ
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น